ดาวเตะวัย 29 ปีย้ายจากทีมคู่แข่งในพรีเมียร์ลีกอย่างเชลซี มาร่วมทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า เพื่อสู้ศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2023/24 และนี่คือ 10 สิ่งที่คุณอาจยังไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับตัวเขา
ประวัติ มาเตโอ โควาซิซ
มาเตโอ โควาซิซ เกิดเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 1994 ในเมือง Linz ประเทศออสเตรีย โดยมีคุณพ่อและคุณแม่เป็นชาวบอสเนียนโครแอต เริ่มต้นเส้นทางนักฟุตบอลกับทีม Linzer ASK ในเมือง Linz เขามีฝีเท้าที่โดดเด่นเกินกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันจนไปเข้าตาทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปมากมาย ได้ บาเยิร์น มิวนิค, ยูเวนตุส, อินเตอร์, อาแจ็กซ์ และสตุ๊ตการ์ด ในตอนที่อายุได้เพียง 12 ปีเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ครอบครัวของโควาซิซตัดสินใจย้ายกลับไปยังซาเกร็บ เมืองหลวงของโครเอเชียในปี 2007 และเมื่อมาเตโออายุได้ 13 ปี เขาก็ได้เข้าร่วมทีมเยาวชนของสโมสรดินาโม ซาเกร็บ
จุดเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งของ โควาซิซ
โควาซิช ได้รับบาดเจ็บขาหักในปี 2009 แต่เขาสามารถกลับมาได้หลังจากพักรักษาตัวเป็นเวลานาน และยังคงสร้างผลงานอันน่าประทับใจในอะคาเดมีของซาเกร็บ มีส่วนช่วยให้ทีม U-17 ปี และ U-19 ปีคว้าแชมป์ตามลำดับ จากนั้นเขาได้โอกาสลงประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ในเดือนพฤศจิกายน 2010 ในการแข่งขันฟุตบอลลีกโครเอเชียนัดที่ทีมออกไปเยือน Hrvatski Dragovoljac โควาซิชวัย 16 ปีสร้างผลงานได้ค่อนข้างดี โดยเขาทำประตูที่ 4 ให้กับดินาโมช่วยให้ทีมเอาชนะ 6-0 และด้วยวัยเพียง 16 ปี 198 วัน ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ยิงประตูได้ในลีกโครเอเชีย ทำลายสถิติที่ Dino Špehar ทำไว้เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านั้น
ฉายแววเด่นในอาชีพค้าแข้ง
หลังจากลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ไป 7 นัดในฤดูกาล 2010/11 ฤดูกาลต่อมา เขาได้ขึ้นมามีส่วนร่วมกับทีมอย่างเต็มตัว โดยลงเล่นไป 32 นัดพร้อมกับช่วยให้ทีมคว้าแชมป์โครเอเชียเป็นฤดูกาลที่ 7 ติดต่อกัน โดยโควาซิชยังเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่สวมปลอกแขนกัปตันทีมในเกมที่พบกับ NK Lucko โควาซิซสร้างผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง เขาใส่ชื่อตัวเองลงบนสกอร์บอร์ดในนัดชิงฟุตบอลถ้วย และได้รับรางวัล “ผู้เล่นความหวังใหม่แห่งปี” ของโครเอเชีย ในเดือนธันวาคม 2011 อีกด้วย นอกเหนือจากนั้นเขาสร้างสถิติเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ที่ยิงประตูได้ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก จากลูกยิงใส่ลียง ด้วยวัยเพียงแค่ 17 ปี 215 วัน เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2011
ย้ายไปอินเตอร์ มิลาน
หลังจากมีการคาดเดามากมายเกี่ยวกับอนาคตของเขา โควาซิช ได้ย้ายไปอินเตอร์ มิลาน เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2013 โดยเข้าร่วมสโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเมืองมิลานด้วยค่าตัว 14 ล้านยูโร และได้รับเสื้อหมายเลข 10 ต่อจากเวสลีย์ สไนจ์เดอร์ แม้ว่ามันจะเป็นฤดูกาลที่น่าผิดหวังของอินเตอร์ แต่โควาซิชยังได้รับรางวัล Gentleman Revelation of the Year จากการโหวตของแฟนบอลของอินเตอร์ที่มอบให้กับนักเตะน่าจับตามองมากที่สุดของสโมสรในแต่ละปี
ฉายาหลังจากแจ้งเกิด
โควาซิชได้รับฉายาว่า “ศาสตราจารย์แห่งฟุตบอล” จาก นิโก้ ครานชาร์ เพื่อนร่วมทีมชาติโครเอเชียของเขาในปี 2013 หลังจากที่เขาประเดิมสนามกับทีมชาติชุดใหญ่ด้วยวัยเพียง 18 ปี และช่วยให้โครเอเชียเอาชนะคู่แข่งอย่างเซอร์เบีย 2-0 ในเกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ในทศวรรษต่อมา โควาซิชพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาคู่ควรกับสมญานามนั้นอย่างแท้จริง ด้วยแนวทางการเล่นที่ชาญฉลาด และยืดหยุ่นในการยืนตำแหน่ง เขาได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในกองกลางที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดแห่งยุคของวงการฟุตบอลโครเอเชีย รวมไปถึงวงการฟุตบอลยุโรป
ย้ายไปเรอัล มาดริด
ฝีเท้าของโควาซิซยังคงพัฒนาต่อเนื่องใน 2 ฤดูกาลหลังจากนั้น ก่อนที่กฎข้อบังคับทางการเงินจะทำให้อินเตอร์จำใจต้องขายเขาให้กับเรอัล มาดริดในปี 2015 ตลอด 3 ฤดูกาลในถิ่นซานติอาโก้ เบอร์นาเบว โควาซิชลงเล่นให้เรอัล มาดริดมากกว่า 100 นัด และคว้าถ้วยแชมป์มากมาย ทั้งหมดที่กล่าวมา เขาช่วยให้เรอัล คว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก 3 สมัย, ยูฟ่าซูเปอร์คัพ 2 สมัย, ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2 สมัย, ลาลีกา 1 สมัย และสแปนิช ซูเปอร์ คัพอีก 1 สมัย
ย้ายมายังเชลซี
มาเตโอออกเดินทางอีกครั้งในช่วงซัมเมอร์ปี 2018 โดยย้ายไปเชลซีด้วยสัญญายืมตัวก่อนที่จะถูกซื้อขาดในปีต่อมา ฤดูกาลแรกในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์จบลงด้วยถ้วยรางวัล โควาซิชมีส่วนช่วยให้สโมสรคว้าแชมป์ยูโรป้าลีกด้วยการเอาชนะอาร์เซนอล 4-1 ในรอบชิงชนะเลิศที่เมืองบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน เมื่อปี 2019 ผลงานที่น่าประทับใจของโควาซิชที่เชลซีทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้เล่นแห่งปีของสโมสรในเดือนกรกฎาคม 2020 ก่อนที่ฤดูกาลถัดมาจบลงด้วยการที่เขาคว้าเหรียญแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกสมัยที่ 4 ให้กับตัวเอง ในเกมที่เฉือนเอาชนะซิตี้ 1-0 ที่เมืองปอร์โต้ ประเทศโปรตุเกส ตามมาด้วยความสำเร็จในฟุตบอลถ้วยยูฟ่าซูเปอร์คัพปี 2021 และฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพปี 2021
เก่งจนพูดได้หลายภาษา
อาชีพค้าแข้งของโควาซิชนั้นประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งในโครเอเชีย, อิตาลี, สเปน และอังกฤษ โดยนอกจากภาษาโครเอเชียของเขาแล้ว โควาซิชยังสามารถพูดภาษาอื่น ๆ ได้ อีก 4 ภาษา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ เยอรมัน อิตาลี และสเปน ซึ่งเป็นแง่มุมที่ช่วยให้ปรับตัวเข้ากับลีกชั้นนำต่าง ๆ ของยุโรปได้อย่างราบรื่น
แฟมิลี่แมนตัวพ่อต้องยกให้ มาเตโอ โควาซิซ
โควาซิชแต่งงานกับ อิซาเบล อันดริยานิช แฟนสาวของเขาในปี 2017 โดยทั้งคู่พบกันครั้งแรกที่โบสถ์เมื่อ 10 ปีก่อน โควาซิชนับถือศาสนาคริสต์คาทอลิกและมักจะไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ ต่อมามาเตโอและอิซาเบลมีลูกชายด้วยกัน 1 คน ชื่อว่าอิวาน โดยมีลูก้า โมดริชอดีตเพื่อนร่วมทีมเรอัล มาดริดและเพื่อนร่วมทีมชาติโครเอเชียเป็นพ่อทูนหัวของเจ้าตัวน้อย
เหรียญอันทรงเกียรติ
ในปี 2018 โควาซิซและเพื่อนร่วมทีมชาติโครเอเชียได้รับเหรียญ Order of Duke Branimir ซึ่งเป็นหนึ่งในเหรียญรางวัลอันทรงเกียรติมากที่สุดเหรียญหนึ่งในประเทศโครเอเชีย โดยจะมอบให้กับบุคคลที่สร้างชื่อเสียงและสร้างคุณงามความดีให้กับประเทศชาติ โควาซิซและเพื่อน ๆ ร่วมทีมชาติโครเอเชียได้รับมอบเหรียญรางวัลดังกล่าวจากผลงานอันโดดเด่นในฟุตบอลโลก 2018 ที่พวกเขาสามารถพาทีมชาติโครแอตทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้ในทัวร์นาเมนท์นั้น ถึงแม้จะพ่ายแพ้ต่อฝรั่งเศส 4-2 ในนัดชิงฯ ที่มอสโควก็ตาม
ข่าวกีฬา ไวที่สุดใน ประเทศ ไทย ข่าวฟุตบอลวันนี้
แล้วยังมี ข่าวซื้อขายนักเตะ ทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นข่าวจาก ลีคไทย หรือ ลีกยุโรป ก็รวมไว้แล้วเรียบร้อย ข่าวซื้อขายนักเตะ
ติดตาม ทีเด็ด กับ บอลคู่ใหญ่ ในแต่ละวันได้ที่นี่ วิเคราะห์บอล