สโลวาเกียสร้างความตกตะลึงในยูโร 2024 ด้วยการยัดเยียดให้ เบลเยียม แพ้ นัดแรกในรอบเกือบ 1 ปีครึ่ง
อีวาน ชแรนซ์ (Ivan Schranz) ทำประตูเดียวของเกมในนาทีที่เจ็ด โดยการวอลเลย์อย่างชำนาญจากมุมแคบเพื่อให้ทีมที่เป็นทีมเล็ก ๆ ของทัวร์นาเมนต์ขึ้นนำอย่างน่าประหลาดใจ
เบลเยียม พลาดโอกาสหลายครั้งในการทำประตูตีเสมอ แต่ VAR เจ้ากรรมกลับทำกับ เบลเยียม ได้ลงคอด้วยการปฏิเสธประตูไปถึงสองครั้ง เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ โดเมนิโก เทเดสโก (Domenico Tedesco ) ไม่สามารถสร้างสถิติไม่แพ้ใครภายใต้การคุมทีม 15 นัดติด
โรเมลู ลูกากู ถูกตัดสินว่าล้ำหน้าเพียงเล็กน้อยจากการทำประตู ก่อนที่ประตูที่สองจะถูกยกเลิกในช่วงสี่นาทีสุดท้าย เนื่องจากบอลไปโดนนิ้วของ โลอิส โอเพนด้า (Lois Openda) ในระหว่างการบุกตอนนั้น
ผลลัพธ์นี้ทำให้ สโลวาเกีย เป็นผู้นำกลุ่มพร้อมกับ โรมาเนีย ที่เอาชนะ ยูเครน ไปก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน
ทำให้ทั้งสองทีมขึ้นนำในกลุ่ม E โดย เบลเยียม ต้องพยายามอย่างหนักในการเอาชนะอีก 2 นัดที่เหลือเพื่อเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย
ประตูของ ชแรนซ์ ทำให้เกมเกิดความแตกต่างในครึ่งแรกที่ทำให้ เบลเยียม แพ้
ลูกากูมีส่วนร่วมอย่างมากในช่วงต้นเกม โดยถูกปฏิเสธโอกาสในการเปิดสกอร์ครั้งแรกจากการบล็อกที่ยอดเยี่ยมของ มาร์ติน ดูบราฟกา (Martin Dubrvaka) ก่อนที่การหลบล้ำหน้าของกองหน้าทีมเชลซีจะทำให้สโลวาเกียต้องใจสั่นเมื่อต้องพยายามป้องกันไม่ให้มันเป็นประตู
เกมดูเหมือนว่าประตูแรกของเบลเยียมจะเกิดขึ้นในไม่ช้า แต่กลับเป็นสโลวาเกียที่ขึ้นนำก่อนหลังจากผ่านไปเพียงเจ็ดนาทีจากการวอลเลย์ที่ยอดเยี่ยมของ ชแรนซ์
หลังจากที่ เจเรมี โดกู (Jeremy Doku) เสียการครองบอล ยูราย คุชกา (Juraj Kucka) ได้ยิงครั้งแรกที่ถูกผู้รักษาประตู โคเอน คาสทีลส์ (Koen Casteels) ปัดออกมาในอากาศแต่บอลไปตรงที่ ชแรนซ์ ซึ่งยิงอย่างสวยไปที่มุมล่างสุดจากมุมแคบ
ประตูของ ชแรนซ์ เป็นประตูที่เร็วที่สุดของ สโลวาเกีย ในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ แต่กลับเป็น เบลเยียม ที่ยังคงได้เปรียบ
เลอันโดร ทรอสซาร์ด (Leandro Trossard) ยิงข้ามคานออกไปเมื่อเขาควรยิงเข้ากรอบ หลังจากที่ผู้รักษาประตู ดูบราฟกา พลาดส่งบอลให้ผู้เล่นเบลเยียมห่างออกไป 20 หลา
อย่างไรก็ตาม ก่อนหมดครึ่งแรก 6 นาที สโลวาเกียเกือบจะทำประตูนำเป็น 2-0 จากการเปิดบอลจากทางขวาไปถึง ลูคัส ฮาราสลิน ที่วอลเลย์อย่างสวยงามแต่ถูก คาสทีลส์ ปัดออกไป
การจบสกอร์ที่ไร้ประสิทธิภาพและ VAR ทำให้เบลเยียมพลาดโอกาสในครึ่งหลัง
สโลวาเกีย แทนที่จะเริ่มครึ่งหลังด้วยการป้องกันอย่างเต็มรูปแบบจากประตูที่ทำไว้ในครึ่งแรก แต่สโลวาเกียกลับแสดงความทะเยอทะยานในการบุกต่อ แม้จะยิงแทบไม่เข้ากรอบเลยในครึ่งหลัง
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนาทีที่ 56 เบลเยียมคิดว่าพวกเขาทำประตูตีเสมอได้แล้ว อามาดู โอนาน่า (Amadou Onana) ทำการโหม่งที่เสาไกลซึ่งสมบูรณ์แบบสำหรับ ลูกากู ที่จะยิงจากระยะเกือบถึงเส้นประตู แต่กลับถูกจับล้ำหน้าซะงั้น
ดูบราฟกา ต้องพยายามอย่างมากเพื่อป้องกันลูกยิงของ ทรอสซาร์ด ขณะที่ลูกากูยิงไปที่ข้างตาข่ายในเวลาต่อมา ตัวสำรองโยฮัน บากาโยโก้ ก็มีลูกยิงที่ถูกเคลียร์ออกจากเส้นโดยเ ดวิด ฮานซ์โก้ ที่ได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าจากการบล็อคลูกยิงนี้
เมื่อเกมใกล้จะจบลง การบุกของเบลเยียมลดลงจากเดิม แต่ในช่วงห้านาทีสุดท้าย ดูเหมือนว่าทีมของ เทเดสโก จะหาประตูตีเสมอที่พวกเขาสมควรได้รับเจอแล้ว
ลูกากูยิง จังหวะแรกจากระยะ 15 หลา ดูเหมือนไม่มีการถูกคุมกำเนิดที่จากลูกยิงนี้ แต่ VAR จัดให้ ตัดสินว่าบอลสัมผัสนิ้วของโอเพนด้าในระหว่างการบุก
ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 7 นาที เบลเยียมพยายามพาบอลไปข้างหน้าโดย เควิน เดอะ บรอยน์ แต่เรายังเห็นการเซฟที่ดีจาก มาร์ติน ดูบราฟกา ที่รับลูกยิงเลียดพื้นได้อย่างสบายๆ
แต่นั่นกลับเป็นโอกาสสุดท้ายของเบลเยียมในการกับแมตช์นี้ เดอะ เรด เดวิลส์ ตอนนี้อยู่ในตำแหน่งที่หนึ่ง เพราะการพ่ายแพ้ครั้งต่อไปอาจทำให้พวกเขาตกรอบการแข่งขัน ทัวร์นาเมนท์ รอบแบ่งกลุ่มเป็นครั้งที่สองติดต่อกัน
ติดตามทีเด็ดได้ที่นี่ วิเคราะห์บอล